วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557


 Folding a napkin.


วีดีโอนี้จัดทำขึ้นโดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับการทำผ้าเช็ดปาก(NAPKIN) เนื่องจาก
การเตรียมการพับผ้าเช็ดปากเป็นสิ่งที่สำคัญในงานเลี้ยงที่เป็นพิธีการ ซึ่งควรพับด้วย ความละเอียดอ่อน งดงาม และดิฉันได้สาธิตวิธีการทำ (NAPKIN) อย่างเป็นขั้นตอนไว้ดังนี้


Learning English At The Hotel!



English At The Hotel!

เรื่องการสนทนาเมื่อเราต้องการใช้บริการจากโรงแรม หรือ Hotel เมื่อต้องเดินทางและไปพักตามโรงแรมต่างๆ จะต้องทำอย่างไรบ้าง เรียนรู้ภาษาอังกฤษและคำศัพท์การสนทนาเมื่อใช้บริการของโรงแรมกันที่นี่ค่ะ...

วันพุธที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2557

Let's Learn Skimming!



การอ่านแบบข้าม (Skimming)

Skimming หรือ การอ่านแบบข้าม หรือบางสำนักเรียกว่า (skipping) เป็นวิธีการอ่านแบบหนึ่งที่แตกต่างจากการอ่านแบบธรรมดา เพราะการอ่านแบบนี้เป็นการอ่านผ่านๆเพื่อต้องการข้อมูลทั่วไป (general information) จะไม่อ่านทุกตัวอักษรแต่จะอ่านข้าม ๆ แต่ก็สามารถจับใจความของเรืองที่กำลังอ่านได้ การอ่านแบบนี้มีประโยชน์ต่อผู้อ่านอย่างมาก เพราะตัองอ่านหนังสือมากมายหลายเล่ม หรือข้อมูลจำนวนมากในเวลาอันจำกัด และไม่มีเวลาพอที่จะอ่านทุกเล่มอย่างละเอียดถี่ถ้วน ดังนั้นผู้อ่านต้องรู้วิธี Skim เพื่อประหยัดเวลา Skimming ยังถือเป็นหนึ่งในสองความสามารถการอ่านในเชิงปฎิบัติ นอกเหนือจาก scanning (การอ่านเร็ว) ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่ามีความสำคัญในการฝึกทักษะการอ่านที่มีประสิทธิภาพ

ทำไมต้อง skimming เวลาอ่าน ?
ก็เพราะ Skimming เป็นรูปแบบการอ่านแบบหนึ่งจากสองแบบที่จำเป็นมากๆ หากคุณได้อ่านบทความภาษาอังกฤษจำนวนมาก จะพบว่าเป็นการยากมากที่จะหาคำตอบจากสิ่งที่โจทย์ต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากบทความนั้นยาวมาก เทคนิคการอ่านแบบนี้ คือการอ่านด้วยความไวสูง ไม่สนใจรายละเอียดหากแต่กวาดตามองไปอย่างรวดเร็ว มองหา Keyword หรือคำหลักที่โจทย์ต้องการในบทความด้วยความไวสูงซึ่งการอ่านแบบนี้มีประโยชน์มากเมื่อเราต้องการทราบภาพรวมๆของบทความนั้นๆ เพราะจะไม่เปลืองสมองมากนัก

ประโยชน์ของ skimming?

อย่างที่เกริ่นไปตอนต้น วิธีการอ่านผ่านนับเป็นวิธีที่ช่วยประหยัดเวลาในการอ่านได้เป็นอย่างมากเพราะผู้อ่านไม่จำเป็นต้องอ่านเรื่องทั้งหมด แต่เป็นการเลือกอ่านเฉพาะส่วนที่สำคัญและอ่านด้วยความรวดเร็วอย่าให้ความสนใจศัพท์แสงที่ไม่ทราบจนมากเกินไป เพราะจะทำให้เกิดความกังวล ควรข้ามส่วนซึ่งเป็นรายละเอียดปลีกย่อยที่ไม่สำคัญออกไป การอ่านข้ามเป็นสิ่งที่คนน้อยคนมากๆจะทำได้ดี เพราะคนอ่านมักขาดความมั่นใจว่าได้อ่านข้อความที่สำคัญจริงๆ และกลัวว่าจะอ่านข้าม ข้อความที่สำคัญของเรื่องไปทำให้ไม่กล้าอ่านข้าม

Skimming และ scanning ต่างกันอย่างไร?

Skimming และ scanning ต่างเป็นเทคนิคการอ่านเร็วทั้งคู่ แต่ scanning นั้นจะกวาดสายตาหาเฉพาะสิ่งที่เราต้องการ (a particular thing or person) เท่านั้น เช่น หาคำบางคำ ในสมุดโทรศัพท์เป็นต้น โดยจะไม่อ่านทุกบรรทัดหรือทุกหน้า จะกระโดดจากหน้านี้ไปหน้าโน้นเลย จุดมุ่งหมายอยู่ที่คำบางคำ เท่านั้น ส่วน skimming นั้นจะกวาดสายตาหาเฉพาะสาระสำคัญที่ต้องการ (a particular point or main points) เท่านั้น เช่น Why did so many people visited this national convention center last week? Why? = The exhibition? Why? = The major event?



จุดมุ่งหมายของskimming?

จุดมุ่งหมายสำคัญของการอ่านแบบข้าม คือ การค้นหาจุดสำคัญที่ของเรื่อง (Topic) ว่าเรื่องที่อ่านเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร ซึ่งสิ่งนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการอ่านหนังสือ จากความสำคัญนี้เอง ข้อสอบในส่วนที่เป็น Reading comprehension ส่วนมากจะมีคำถามเกี่ยวกับความคิดหลัก (Main Idea) ของเรื่องอย่างน้อยหนึ่งข้อ
การอ่านแบบข้าม นับเป็นวิธีการอ่านที่ผู้อ่านมุ่งหวังที่จะทราบรายละเอียดของเนื้อเรื่องหรือข้อความที่อ่าน โดยการกวาดสายตาหาหัวเรื่องที่เราสนใจและจะค้นหาเฉพาะแนวความคิดหลักเท่านั้น การอ่านแบบนี้ จะอ่านข้ามเป็นตอนๆ และอาจข้ามบางประโยคหรือบางบรรทัดไป คือไม่อ่านทุกคำแต่มองหาประเด็นหรือใจความสำคัญ (main idea) หรือหาคำสำคัญของเรื่อง (key words) โดยผู้เชี่ยวชาญบางท่านได้กล่าวไว้ว่าเป็นการอ่านด้วยนิ้ว (reading with fingers) ด้วยซ้ำ การอ่านประเภทนี้มักจะใช้กับการอ่านบทความ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร นวนิยาย สำหรับจุดมุ่งหมายของการอ่าน เพื่อหาประเด็นหรือใจความสำคัญโดยทั่วไป เพื่อเก็บรายละเอียดที่สำคัญบางอย่างเท่านั้น
การอ่านวิธีนี้จะไม่เน้นอ่านทุกคำหรือทุกประโยค แต่จะจับเฉพาะคำสำคัญ (key word) ที่แฝงอยู่บอกว่าเนื้อเรื่องทั้งหมดนั้นเกี่ยวกับเรื่องอะไรเท่านั้น ซึ่งหลักปฏิบัติในการอ่าน สรุปได้ดังนี้
1. อ่านสองหรือสามคำแรกและ/หรือ สองหรือสามคำสุดท้ายในแต่ละประโยคคือการอ่านข้ามสิ่งที่คิดว่าไม่มี
ความสำคัญในประโยค จะเข้าใจประโยคนั้นหรือไม่ขึ้นอยู่กับความสลับซับซ้อนและโครงสร้างของประโยคเป็นสำคัญ
2. การพรีวิว (Preview) คือความสามารถที่จะคิดและคาดการณ์เห็นแนวคิดบางอย่างได้ล่วงหน้าก่อการอ่านจริง การพรีวิวช่วยให้จับประเด็นได้เร็วขึ้นและช่วยให้อ่านข้ามข้อความโดยไม่เสียอรรถรส วิธีอ่านคือ อ่านประโยคแรกและประโยคสุดท้ายของแต่ละย่อหน้าอย่างเร็วก่อนแล้วจึงไปอ่านซ้ำอีกครั้งเพื่อเก็บใจความสำคัญต่อไป ซึ่งอ่านเฉพาะคำหรือวลีที่สำคัญในแต่ละย่อหน้าเท่านั้น
3. อ่านส่วนแรกของประโยคเร็วๆ วิธีนี้ จะไม่อ่านจนจบประโยค แต่จะกวาดสายตามองผ่านๆ แล้วเริ่มต้นอ่าน
ประโยคใหม่ ทำเรื่อยๆจนจบประโยคที่ต้องการจะอ่าน ขณะอ่านสายตาจะจับอยู่ที่ทางด้านซ้ายมือของประโยคตลอดเวลา คืออ่านข้อความแค่หนึ่งในสามของประโยคเท่านั้น
4. อ่านเฉพาะส่วนกลางของหน้าหนังสือ สายตาจะจับเฉพาะตอนกลางของหนังสือเท่านั้น และอ่านเกือบทุกประโยคด้วย
5. อ่านแต่เฉพาะคำหรือวลีที่สำคัญ โดยที่สำคัญอาจเป็นตัวเอน ตัวหนา หรือมีตัวเลขกำกับอยู่ในเครื่องหมายคำพูดก็ได้ บางครั้งอาจขึ้นต้นด้วยอักษรตัวพิมพ์ใหญ่ หรือขีดเส้นใต้ไว้ก็ได้อาจเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งใยบรรดาที่กล่าวมาทั้งหมดก็ได้

จากที่กล่าวมาทั้งหมด 5 ข้อ ยังมีสิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งนั่นคือ Topic Sentence ซึ่งก็คือ ประโยคที่บรรจุหัวเรื่องและใจความสำคัญไว้โดย Topic Sentence มักจะวางอยู่ที่ประโยคแรกหรือประโยคสุดท้ายของข้อความ และส่วนน้อยที่อยู่ตอนกลางของเรื่อง และบางข้อความไม่มี Topic Sentence ผู้อ่านต้องสรุปเอาเองจากเนื้อเรื่องในบทความนั้น

สรุป 7 ขั้นตอนของการ Skimming มีดังนี้คือ:
1.อ่านหัวเรื่อง
2.ดูชื่อผู้แต่ง และหนังสืออ้างอิง
3.อ่านย่อหน้าแรกอย่างละเอียดและรวดเร็ว เพื่อจับใจความสำคัญของเรื่อง(main idea )
4.อ่านหัวเรื่องย่อยและประโยคแรกของย่อหน้าที่เหลือ
5.อ่านเรื่องทั้งหมดอย่างรวดเร็วเพื่อหา
1 main idea, Topic ของทุกย่อหน้าพร้อมทั้ง supporting detail
2 clue words เช่น ชื่อคน ชื่อวัน และ adjective ที่สำคัญ
3 คำที่แสดงความคิดของผู้แต่ง เช่น เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย
4 เครื่องหมายตัวชี้ต่าง ๆ เช่น ตัวพิมพ์เอน ตัวพิมพ์หนา ลูกศร ดาว ฯลฯ
6. อ่านย่อหน้าสุดท้ายอย่างรวดเร็วและละเอียด
7. เพ่งเล็งลักษณะตัวพิมพ์พิเศษ เช่น ตัวเอน ตัวหนา ดาว ฯลฯ ให้ดี สำคัญมากเพราะจุดนี้จะบอกให้รู้ถึงการเน้นย้ำใจความสำคัญ
อย่างไรก็ดี ผู้เรียนควรฝึกการ Skim ให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทักษะในการ Skim จะดีขึ้นพยายามฝึก Skim เมื่อ
1. อ่านหนังสือพิมพ์ หรือ แม็กกาซีน
2. ต้องการจับใจความสำคัญของบทความ
3. การต้องการเลือกหนังสือในห้องสมุดก่อนที่จะตัดสินใจยืมเล่มหนึ่งออกมา
4. ต้องการสุ่มปริมาณความคิดเห็น และความเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ
5. ต้องการรวบรวมข้อมูล สำหรับการพูด หรือการเขียนรายงาน
ข้อควรจำ: จุดประสงค์การอ่านแบบ skim จะแตกจ่างจากจุดประสงค์การอ่านธรรมดา กล่าวคือผู้เรียนต้องรู้เนื้อหาโดยทั่ว ๆ ไปให้มากที่สุด แต่ไม่จำเป็นต้องสนใจกับรายละเอียดปลีกย่อยทั้งหมด

หลักวิธีการอ่านแบบคร่าวๆ (Reading Methods for Skimming)
สำหรับเทคนิคการอ่านแบบ skimming คือให้พยายามกวาดสายตาไปเรื่อยๆ ผ่านบทความ ให้รู้สึกเหมือนกับว่าตนเองเวลาอ่าน ไม่ได้อ่านแล้วแปลเป็นภาษาไทยถึงเข้าใจ แต่ให้อ่านแบบเข้าใจเป็นภาษาอังกฤษเลย

Tip and Tricks: เคล็ดลับในการ skimming


การอ่านแบบข้าม เป็นการอ่านผ่านเพื่อค้นหาเฉพาะข้อความสำคัญก่อนที่จะ อ่านข้อเขียนนั้นอย่างละเอียด ผู้อ่านจะมองข้อเขียนนั้นโดยรวมว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร ค้นหาเฉพาะข้อความสำคัญและข้ามส่วนที่คิดว่าเป็นรายละเอียดปลีกย่อยไป ซึ่งจะช่วยให้ได้ข้อสรุปและความคิดเห็นทั่วไปของเรื่องที่จะอ่าน ได้ข้อคิดอย่างกว้าง ๆ ของผู้แต่ง เราใช้วิธีการอ่านแบบนี้เมื่อต้องการหาประเด็นสำคัญภายในเวลาอันรวดเร็ว ในการอ่านแบบข้าม ผู้อ่านจะทราบสิ่งต่อไปนี้ ข้อเขียนนั้นเขียนขึ้นเพื่อใคร เช่น ผู้อ่านทั่วไป หรือผู้เชี่ยวชาญในวิชาชีพ เป็นต้น ข้อเขียนนั้นมีรูปแบบใด เช่น รายงาน จดหมายที่เขียนอย่างเป็นทางการหรือไม่เป็นทางการ บทความ โฆษณา เป็นต้น ผู้เขียนมีวัตถุประสงค์อะไรในการเขียน เช่น เพื่อพรรณนา อธิบายแจ้งข่าวสาร สั่งสอน ชักชวน เป็นต้น เนื้อหาโดยทั่วไปของข้อเขียนเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร




แบบฝึกหัดการอ่านแบบข้าม (Skimming)
Direction: Skim this passage below and choose the best answers for each question.
The Taj Mahal
Often called the most beautiful building in the world, The Taj Mahal stands in the town of Agra in India. It is in fact a tomb built by the emperor Shah Jahan for his wife who died in 1931.
Visitors to the Taj Mahal enter through a red sandstone gateway which leads into a beautiful walled garden in which a watercourse runs between rows of slender cypress trees. A the end of
the watercourse The Jaj Mahal stands on a marble terrace.
It’s square building made from pure white marble and topped by a dome. Four slender white minerals or towers rise from the corners of the terrace. Beneath the dome is an eight-sided chamber with a carved marble screen around the tombs of the emperor and his wife.
The chief architect of the Taj Mahal was Ustad Isa, who may have been a Persian. The building and ornamentation was done by 20,000 men and craftsmen from all parts of Asia. (1632-1650.)
1. Where is the Taj Mahal built?
a. the town of Emperor b. the town of Jahan
c. the town of watercourse d. the town of Agra
2. Who built the Jaj Mahal?
a. the Emperor’s wife b. the Emperor Shah Jahan
c. the architect d. all the above
3. In what year did the Emperor Shah Jahan's beloved wife passed away?
a. 1930 b. 1931
c. 1932 d. 1933

4. What trees wee grown in the walled garden?
a. watercourse b. slender
c. cypress d. white minaret

5. What was square building made?
a. pure white marble b. pure black marble
c. crude white steel d. crude black steel
6. Who was the chief architect of the Taj Mahal?
a. Prince Persia b. Ustad Isa
c. Shah Jaha d. Andy Wilson

7. According to the passage, what nationality did Ustad Isa have?
a. Croatian b. Chinese
c. Caucasian d. Persian

8. How long had the Taj Mahal been built?
a. ten years b. fifteen years
c. seventeen years d. eighteen years

เฉลยแบบฝึกหัด The Taj Mahal
1. d. 2. b. 3. b. 4. c. 5. a. 6. b. 7. d. 8. d



วันศุกร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2556

Prepositions of Place: at, in, on

Prepositions of Place: at, in, on





In On Under - Kids English Kindergarten Songs





Prepositions of Place: at, in, on

In general, we use:
  • at for a POINT
  • in for an ENCLOSED SPACE
  • on for a SURFACE
at
in
on
POINT
ENCLOSED SPACE
SURFACE
at the cornerin the gardenon the wall
at the bus stopin Londonon the ceiling
at the doorin Franceon the door
at the top of the pagein a boxon the cover
at the end of the roadin my pocketon the floor
at the entrancein my walleton the carpet
at the crossroadsin a buildingon the menu
at the front deskin a caron a page
Look at these examples:
  • Jane is waiting for you at the bus stop.
  • The shop is at the end of the street.
  • My plane stopped at Dubai and Hanoi and arrived in Bangkok two hours late.
  • When will you arrive at the office?
  • Do you work in an office?
  • I have a meeting in New York.
  • Do you live in Japan?
  • Jupiter is in the Solar System.
  • The author's name is on the cover of the book.
  • There are no prices on this menu.
  • You are standing on my foot.
  • There was a "no smoking" sign on the wall.
  • I live on the 7th floor at 21 Oxford Street in London.


Notice the use of the prepositions of place atin and on in these standard expressions:

at
in
on
at homein a caron a bus
at workin a taxion a train
at schoolin a helicopteron a plane
at universityin a boaton a ship
at collegein a lift (elevator)on a bicycle, on a motorbike
at the topin the newspaperon a horse, on an elephant
at the bottomin the skyon the radio, on television
at the sidein a rowon the left, on the right
at receptionin Oxford Streeton the way

วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

Learn English Speaking!


Learn English Speaking




5 ขั้นตอนง่ายๆ สู่การพูดอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว 

1. Start with a Smile ความเชื่อมั่นในตนเองเพียงเล็กน้อยจะช่วยให้คุณพูดภาษาอังกฤษดีขึ้นไม่ว่าคุณจะมีความรู้ทางภาษาอังกฤษอยู่ในระดับใดก็ตาม ในการที่จะพูดอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วนั้น คุณต้องกล้าไว้ก่อน ซึ่งหมายถึงว่าแม้ในบางครั้งคุณอาจพูดไม่ถูกหลักไวยากรณ์บ้างก็ไม่ต้องอายเพราะนั่นก็กลายเป็นเรื่องที่ไม่สลักสำคัญอะไรเลยหากคุณพูดอย่างเชื่อมั่นในตนเองพร้อมมีรอยยิ้มพิมพ์ใจซึ่งจะสร้างความประทับใจให้แก่คู่สนทนาของคุณ

2. Memorize More than Words คุณเป็นอีกคนมั้ยที่รู้ความหมายของศัพท์ภาษาอังกฤษมากมายแต่ไม่ทราบว่าจะนำไปใช้ได้อย่างไร? ลองแก้ปัญหานี้โดยการเรียนและจำวลีหรือประโยคตัวอย่างการใช้ศัพท์นั้นๆ เพื่อที่คุณจะมีเข้าใจศัพท์นั้นๆ ได้อย่างลึกซึ้งขึ้น และนั่นก็เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้คุณนำศัพท์ที่รู้มาใช้ประโยชน์ในการพูดสนทนาได้อย่างเต็มที่ 

3. Listen to Learn พยายามคิดและวิเคราะห์ภาษาอังกฤษที่คุณได้ยินจากการฟังวิทยุ ข่าว หรือดูหนัง เพราะภาษาอังกฤษในสื่อเหล่านั้นมีการใช้สำนวนโวหารต่างๆ มากมาย ลองจดประโยคหรือคำเหล่านั้นไว้ และถ้าคุณมีโอกาสสนทนากับเจ้าของภาษาตัวจริงก็ควรสังเกตการใช้คำหรือประโยคของพวกเขา การเรียนรู้จากสถานการณ์จริงเหล่านี้จะช่วยให้คุณก้าวไปสู่โลกแห่งการใช้ภาษาอังกฤษในการพูดในชีวิตประจำวันอย่างแท้จริงแทนความจำเจที่เรียนจากจากหนังสือเรียน 

4. Exercise those Vocal Cords ได้เวลาออกกำลังกล่องเสียงของคุณแล้ว! ถ้าคุณไม่มีคนที่จะคุยด้วยล่ะก็ ลองอ่านออกเสียงดังๆ เพื่อฝึกการออกเสียงในภาษาอังกฤษดู หรือจะลองอธิบายรูปภาพในแมกกาซีนต่างๆ หรือแม้แต่สิ่งของในห้องของคุณเองก็ได้ ไม่อย่างนั้นก็ลองพูดตามบทละครหรือประโยคภาษาอังกฤษอะไรก็ได้ที่ได้ยิน แม้แต่ฝึกการถกเถียงหรือโต้แย้งเป็นภาษาอังกฤษก็จะช่วยให้คุณรู้สึกมั่นใจเมื่อต้องใช้ในชีวิตจริง เพราะฉะนั้น มาฝึกกันดีกว่า! 

5. Take Up Modeling นำการใช้ประโยคของเจ้าของภาษามาเป็นรูปแบบ การเน้นเสียงสูงต่ำหรือเปล่งเสียงหนักเบาล้วนเป็นหัวใจของการพูดภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้องเพราะสิ่งเหล่านี้จะมีผลต่อความหมายของคำ ลองงัดเอา DVD เรื่องโปรดออกมาดูและพยายามพูดตามนักแสดงจนให้ฟังดูเป็นธรรมชาติ ซึ่งหมายความว่าคุณต้องพูดประโยคต่างๆ ให้ได้เร็วและมีจังหวะจะโคนเหมือนที่นักแสดงเจ้าของภาษาพูดจริงๆ! และนี่ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำคุณไปสู่การพูดอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วมั่นใจ คำพูดตลกๆจากคนเรียนภาษาอังกฤษ ภาษาอังกฤษบางทีก็ทำให้เรางงได้ง่ายๆ เพราะเรามีคำหลายๆคำที่มีความหมายคล้ายๆกัน และคำที่มีความหมายคล้ายๆกันนี่แหละที่หากใช้ผิดก็จะทำให้ความหมายของประโยคของคุณเพี้ยนไปเลย "I used to say I am wet when I meant to say I am sweating." ผมเคยพูดว่าผมเปียกเวลาที่ผมต้องการพูุดว่าผมเหงื่อออก จริงอยู่ที่เวลาคุณเหงื่อออกตัวคุณก็จะเปียก แต่จะบอกว่า 'I am wet' ไม่ได้เพราะความหมายมันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ความสับสน"confusing"ระหว่างการใช้คำว่า "well" และ "good": "My English is not very well." ประโยคนี้หมายความว่าภาษาอังกฤษของคุณป่วยหรือไม่สบาย ซึ่งภาษามันป่วยไม่ได้ คุณต้องใช้คำว่า "good" ไม่ใช่ "well" เช่น "My English is not very good." ตัวอย่างการใช้ผิดอื่นๆ: • The microphone didn’t work and the network wasn’t very well. • Teacher Tarryn is very nice and fill with patience. Like to help students. Thank you! • Very thanks to Tarryn. • You did teach us very eagerly. • Teacher speaks faster. • You teach me very easily and understandable. • Good exchanges with Tarryn teaching method. I could improve new expressions and English attitude. • I like the teacher very much, because she always listen our speaking very carefully and give the corrections to us. • I can understand her speech. • It is my first time join this talking class because of weak voice, others can’t hear my voice. • 'If show the some talking index in preparation movie, that is easy for our prepare the information to talk with teacher'.




 การเรียนภาษาต่างประเทศนั้นไม่เคยเป็นเรื่องง่าย และทุกคนก็เคยทำผิดพลาดมาแล้วทั้งนั้น ทางออกที่ดีที่สุดก็คือหัวเราะไปกับความผิดนั้นแล้วทำให้การเรียนเป็นไปอย่างสนุกสนานแทน